ปทุมธานี

วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลสุรินทร์


องค์กรแพทย์และพยาบาลสุรินทร์ เตรียมร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ชะลอการก่อสร้างและตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม การก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรคหัวใจ และมะเร็ง ของโรงพยาบาลสุรินทร์ อาคาร คสล.9 ชั้น งบประมาณ 436,450,700 บาท โดยองค์กรแพทย์และพยาบาล เสนอให้สร้างอาคารดังกล่าว บริเวณด้านหน้าตำแหน่งอาคารอุบัติเหตุเดิม ขณะที่ผู้บริหาร โดยมีพลังหนุนจาก ส.ส.สุรินทร์ จำนวนมาก ซึ่งเป็นตระกูลมั่งคั่งทั้งที่ดินและอำนาจ ยืนยันให้สร้างบริเวณกึ่งกลางโรงพยบาล (บ้านพักด้านหลังโรงพยาบาล)
ในขณะที่รอการตรวจสอบจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ผมในฐานะที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการ ภาคประชาชน ด้านสิ่งแวดล้อม (สำนักนายกรัฐมนตรี) รับประสานเรื่องดังกล่าวกับภาคประชาชน ขอนำข้อพิจารณาบางส่วนจากสำนักงานสาธารณสุข จ.สุรินทร์ ต่อประเด็นระบบการให้บริการ-การส่งต่อผู้ป่วย หากก่อสร้างอาคารในบริเวณด้านหลังโรงพยาบาลว่า ต้องใช้เวลานานในการส่งต่อผู้ป่วย ซึ่งจะต้องเดินทางไกลมาก เนื่องจากอาคาร ใหม่ แยกส่วนออกจากกลุ่มอาคารบริเวณอื่นๆ ชัดเจน และมีอาคารของวิทยาลัยพยาบาล และอาคารแพทย์ศาสตร์ศึกษากีดขวางอยู่
นอกจากนี้ เส้นทางของถนนจากอาคารอุบัติ เหตุใหม่ ถึงกลุ่มบริการอื่นๆ มีลักษณะเป็น คอคอดและคดเคี้ยวมาก ซึ่งถนนดังกล่าว มีระยะห่างเพียง 10 เมตร(จากรั้ววิทยาลัย พยาบาล ถึงอาคารแพทย์ศึกษา) อีกทั้งมี ความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วย ระหว่างการส่งต่อผู้ป่วยที่ต้องใช้ระยะเวลา มากเกินไป เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจตายเฉียบพลัน ภาวะชักหมดสติ เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังมีประเด็นเปลี่ยนเส้นทางเข้า-ออก โรงพยบาล เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ที่สำคัญพี่น้องคนสุรินทร์และใกล้เคียง เมื่อถึงขั้นวิกฤติก็ต้องส่งตัวมาที่นี่ อันตรายและข้อเป็นห่วงต่อชีวิตผู้ป่วย ที่จะเข้ามาฝากชีวิตในโรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นประเด็นสาธารณะที่ภาคประชาสังคม สมควรจะเปิดเวทีพูดคุยกัน 

ต่อสู้คดีพิพาท ที่สาธารณะประโยชน์ ป่าโคกโชค


"โชคสามสาย" ทวงสิทธิ์ที่ดิน
เครือข่ายแม่น้ำเสรี ร่วมกับอ.ดำเกิง โถทอง คณะทนายความประชาชน นำโดยคราศรี ลอยทอง เตรียมข้อมูลขึ้นต่อสู้คดีพิพาท ที่สาธารณะประโยชน์ ป่าโคกโชค ทับที่ ทำกินชาวบ้าน ต.ตระแสง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งชาวบ้านต่อสู้ภายใต้สิทธิชุมชน ท้องถิ่นดั้งเดิม ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ขณะ ที่อบต.คอโค ร่วมกับหน่วยงานรัฐ ใช้กฎหมายที่ดินบังคับใช้ ปกปิด ซ่อนเร้น อำพราง ข้อเท็จจริงหลายประการ
ข้อสังเกตมีสาระสำคัญ ดังนี้
1.เจ้าหน้าที่รัฐ อัยการจังหวัด ไม่สามารถ ดำเนินคดีใดใดกับกลุ่มผู้เดือดร้อน เนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษา รวบรวม หลักฐานข้อมูล โดยคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ เมื่อองค์กรอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้วินิจฉัยเสร็จสิ้น กระบวนการทางกฎหมาย ไม่ควรก้าวก่าย ข้ามขั้นตอน (มิเช่นนั้น จะมีองค์กรอิสระ
ไปทำไม)
2.กลุ่มผู้เดือดร้อน ร้องเรียนผู้ตรวจการ แผ่นดิน ให้ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม เกี่ยวกับการประกาศเขต นสร.ทับที่ทำกิน การจัดทำแนวเขตแบ่งแยกตำบลคอโค และตำบลตระแสง ว่าใช้อำนาจถูกต้อง ชอบธรรม หรือไม่อย่างไร ยังไม่มีข้อสรุป อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด (องค์กรอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญเช่นกัน)
ทั้งนี้ หากสามารถรวบรวมพยาน หลักฐาน ชี้ชัดได้ว่า พื้นที่พิพาทนั้นอยู่นอก เขต อำนาจตำบลคอโค เจ้าหน้าที่ใดสมรู้ เป็นใจ แก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารราชการ
จะเตรียมยื่นฟ้องร้องดำเนินคดี ฐานเป็นเจ้า หน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด กับคดีต่อสู้ที่ดิน ของคนจน บนหน้าประวัติศาสตร์เมืองสุรินทร์

2




วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

กลยุทธ เรืองกาญจนเศรษฐ์

ศาลฎีกาฯตัดสิทธิ์การเมือง “กลยุทธ เรืองกาญจนเศรษฐ์” ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย 5 ปี

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
17 พฤษภาคม 2556 16:16 น.


คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
นายกลยุทธ เรืองกาญจนเศรษฐ์ ผู้สมัคร สส.เขต 1 จ.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย

ศาลฎีกานักการเมือง สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี “กลยุทธ เรืองกาญจนเศรษฐ์” ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย แจกเงินผู้มาฟังการปราศรัย ให้ช่วยลงคะแนน
     
       ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ เวลา 14.00 น. วันนี้ (17 พ.ค.) ศาลได้อ่านคำสั่ง คดีหมายเลขดำที่ ลต.18/2555 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาฯมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของ นายกลยุทธ เรืองกาญจนเศรษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ผู้คัดค้าน มีกำหนด 5 ปี เนื่องจาก นายกลยุทธ ได้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 มาตรา 53(1)
     
       ศาลฎีกาฯ วินิจฉัยแล้วเห็นว่า ตามระเบียบของ กกต.ว่าด้วยการหาเสียง ข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.และการดำเนินการใดๆ ของพรรคการเมือง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2554 ระบุว่าควรจัดฝึกอบรมให้กับบุคคลผู้ช่วยในการหาเสียงเลือกตั้งโดยให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง และอาจจัดหาเสื้อผ้า สิ่งของ เลี้ยงอาหาร หรือเครื่องดื่ม สำหรับบุคคลผู้ช่วยในการหาเสียงเลือกตั้งได้ แต่ต้องแจ้งรายชื่อและจำนวนบุคคลให้ กกต.จังหวัดทราบด้วย ซึ่งบุคคลช่วยในการหาเสียงเลือกตั้งมีหน้าที่เข้าร่วมกิจกรรมหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เช่น การช่วยแจกแผ่นพับเพื่อประชาสัมพันธ์การสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง หรือหากผู้สมัครหรือพรรคการเมืองจัดการปราศรัย ณ ที่ใด บุคคลผู้ช่วยในการหาเสียงเลือกตั้งก็อาจช่วยดำเนินการหรืออำนวยความสะดวกในการปราศรัย
     
       แต่ปรากฏว่า นายกลยุทธ ไม่ได้คัดเลือกบุคคลที่จะมาช่วยหาสียงเลือกตั้ง คงดำเนินการในลักษณะหาคนมาประมาณ 100-200 คน มาฟังการปราศรัย โดยผู้มาฟังการปราศรัยที่ได้รับเงินไปนั้น นายกลยุทธ อ้างว่า เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีประมาณ 80 คนนั้น ก็ไม่ปรากฏว่ามีการมอบหมายให้ช่วยหาเสียง แจกแผ่นพับ เพื่อประชาสัมพันธ์การสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ทั้งมิได้แจ้งรายชื่อ และจำนวนบุคคลผู้ช่วยในการหาเสียงเลือกตั้งให้ กกต.จ.สุรินทร์ ทราบแต่อย่างใด
     
       เนื้อหาของการบรรยายก็เป็นเพียงให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายพรรค ที่สำคัญได้ความจากพยานฝ่ายผู้ร้อง ซึ่งเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยที่นายกลยุทธ ผู้คัดค้านจัดขึ้นก็เป็นการแนะนำนโยบายของพรรคเพื่อไทย และให้ผู้ฟังการปราศรัยช่วยลงคะแนนให้แก่ นายกลยุทธ โดยมิได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง หรือกฎหมายเลือกตั้งแต่ประการใด ที่นายกลยุทธ อ้างว่าเป็นการปราศรัยให้ผู้สนใจสมัครเป็นบุคคลผู้ช่วยในการหาเสียงเลือกตั้งนั้น ไม่น่าเชื่อถือ
     
       การกระทำของนายกลยุทธ ผู้คัดค้าน จึงมีลักษณะเป็นการปราศรัยหาเสียงเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิมาลงคะแนนเสียงให้ตนเองด้วยการให้เงินแก่ผู้มาฟังการปราศรัย หาใช่เป็นการอบรมและจัดหาบุคคลมาช่วยหาเสียงเลือกตั้ง กรณีมีเหตุสมควรเชื่อได้ตามคำร้องของผู้ร้องว่า นายกลยุทธ ผู้คัดค้าน ได้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 มาตรา 53(1) มีผลทำให้การเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 จ.สุรินทร์ มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ดังนั้นศาลฎีกาฯ จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายกลยุทธ ผู้คัดค้าน มีกำหนด 5 ปี นับแต่วันมีคำสั่ง




วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำท่วมสถานพยาบาล จ.สุรินทร์ 3 แห่ง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กันยายน 2556 15:05 น.

รพ.สุรินทร์ มีน้ำท่วมที่บริเวณห้องฉุกเฉิน และรอบๆ โรงพยาบาล ขณะนี้ระดับน้ำลดลงแล้ว สามารถให้บริการได้ตามปกติ รพ.ศรีขรภูมิ และ รพ.สำโรงทาบ น้ำท่วมทางเข้าโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง แต่ไม่ท่วมอาคารบริการ ยังเปิดให้บริการประชาชนได้ โดยได้จัดรถยกสูงบริการรับส่งประชาชนเดินทางเข้า-ออกโรงพยาบาล ส่วนเครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ต่างๆ ไม่ได้รับความเสียหาย 



http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012535001.JPEG

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556